สรุปบทที่13
ในปัจจุบันพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นอีกเครื่องมือและกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญ
ที่จะช่วยให้องค์การมีความได้เปรียบคู่แข่งขัน ซึ่งพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
หมายถึงเป็นการดำเนินธุรกิจโดยการแลเปลี่ยนข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น
การซื้อขายสินค้า ข้อมูล และการบริการ การโฆษณาผ่านอิเล็กทรอนิกส์
หรือการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
การทำงานค้าบนโลกอินเตอร์เน็ตมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากการค้าขายทั่ว
ๆ ไป ทำให้พาณิชอิเล็กทรอนิกส์มีข้อแตกต่างไปจากการดำเนินธุรกิจทั่วไป ดังต่อไปนี้
- การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- การตอบสนองเพื่อการแข่งขัน
- การให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- การควบคุมและปฏิสัมพันธ์ได้ด้วยตนเอง
- การสร้างร้านค้าเสมือนจริง
- การติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
- โครงข่ายเศรษฐกิจ
- การเสริมภาพลักษณ์อันดี
การที่องค์การจะนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน
เพื่อช่วยสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจนั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยด้านต่าง ๆ
ทั้งข้อดีข้อเสีย
ทั้งนี้เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นซึ่งข้อเสียของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก
สามารถประหยัดเวลาและต้นทุนในการรับส่งสินค้ากับบริการ และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการติดต่อสื่อสาร
เป็นต้น
ส่วนหลักการตลาดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่างจากหลักการตลาดทั่วไป
ซึ่งเรียกว่า หลัก หารตลาด 6Ps ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย
การส่งเสริมการขาย การักษาความเป็นส่วนตัวและการให้บริการแบบเจาะจง อีกทั้งยังพบปัญหา
อุปสรรค และข้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินงานของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพบว่า
รัฐบาลควรมีมาตรการดำเนินการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างรีบด่วน
เพื่อให้ผู้ที่ต้องการทำการค้าด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีความมั่นใจ
นอกจากนี้ต้องมีกฎหมายรัดกุมและต้องส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของไทยกับต่างประเทศ
รวมทั้งการส่งเสริมความรู้ทางด้านสารสนเทศด้วย
แบบฝึกหัดบทที่
13
1.จงอธิบายความหมายของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ตอบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เป็นการดำเนินธุรกิจโดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่นการซื้อขายสินค้า
ข้อมูล และบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการโอนเงินทาอิเล็กทรอนิกส์
เป็นต้น
2.
เพราะเหตุใดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นอีกเครื่องมือและกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญในการช่วยให้องค์การมีการได้เปรียบคู่แข่ง
ตอบ เพราะพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการดำเนินธุรกิจโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงทำให้ลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง
ๆ เช่น ค่าเช่าอาคาร ค่าจ้างพนักงานขาย เป็นต้น
จึงช่วยในองค์กรลดต้นทุนในการผลิตลง
3.
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถจำแนกได้กี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ ประเภทของพาณิชย์อิ กทรอนิกส์ จำแนก 4 ประเภท
1. ธุรกิจกับธุรกิจ(Business to Business B2B )
เป็นการดำเนินธุรกิจระหว่างธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน
โดยอาจเป็นผู้ประกอบการในระดับเดียวกันหรือระดับต่างกัน
2. ธุรกิจกับผู้บริโภค(Business to ConsumerB2C)
เป็นการดำเนินธุรกรรมระหว่างธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค
ในรูปแบบที่ผู้บริโภคสามารถสอบถามข้อมูลและเลือกสินค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
3. ธุรกิจกับรัฐบาล (Business to Government B2G)
เป็นการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ธุรกิจที่ทำธุรกรรมกับหน่วยงานราชการจะติดตามข้อมูลข่าวสสารและประมวลการจัดหาสินค้า
หรือโครงการต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
4. ผู้บริโภคกับผู้บริโภค(Consumer to ConsumerC2C)
เป็นการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค
มีการพูดคุยเป็นการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขานสินค้าในรูปแบบการประมูลสินค้า
4.
พาณิชอิเล็กทรอนิกส์มีข้อแตกต่างไปจากการดำเนินธุรกิจทั่วไปอย่างไร
ตอบ - การเพิ่มประสิทธิภาพละประสิทธิผล
- การตอบสนองเพื่อการแข่งขัน
- การให้บริการได้ตลอด
24 ชั่วโมง
- การควบคุมและปฏิสัมพันธ์ได้ด้วยตนเอง
- การสร้างร้านค้าเสมือนจริง
- การติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
- โครงข่ายเศรษฐกิจ
-
การส่งเสริมภาพลักษณ์อันดี
5.
หลักการตลาดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วย อะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ 1.
ผลิตภัณฑ์ (Product)
สินค้าหรือผลิตภัณฑ์จะต้องตามความต้องการของลูกค้าทั้งด้านคุณภาพ รูปแบบ สีสัน
และประโยชน์ใช้สอย รวมไปถึงตรายี่ห้อสินค้า
2.
ราคา (Price)
การตั้งราคาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดใจลูกค้าดังนั้นควรตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสมตลาดละผู้บริโภค
3.ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) การหาทำเลที่ดีเป็นองค์ประกอบที่สามารถตัดสินได้ว่าธุรกิจจะรุ่งเรืองหรือไม่
แต่เว็บไซต์พาณิชอิเล็กทรอนิกส์ การหาทำเลเทียบได้กับการตั้งชื่อร้าน
ศัพท์ทางอินเตอร์เน็ตเรียกว่า โดเมนเนม
ดังนั้นทำเลการค้าทาอินเทอร์เน็ตจึงไม่ได้หมายถึงที่ตั้งของร้าน
การจดทะเบียนโดเมนเนมจึงควรเลือกชื่อที่จดจำได้ง่าย และสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์
4.
การส่งเสริมการขาย (Promotion)
กระบวนการที่จะทำให้สินค้าได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อลูกค้า
หรือแม้แต่การโฆษณาชวนชื่อด้วยการลด แลก แจก และแถมสินค้า เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการของลูกค้านั่นเอง
5.
การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy)
คือการเก็บข้อมูลความเป็นส่วนตัวของลูกค้า เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์
หมายเลขบัตรเครดิตหรืออีเมล์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเว็บไซ์
ดังนั้นผู้ดูแลเว็บไซ์จึงจเป็นต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกจรรกรรมออกไปได้
ในส่วนตัวผู้ขายเองนั้น
ก็จะต้องระบุนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตังของลูกค้าคือ Privacy
Policy ให้ชัดเจนบนเว็บไซ์ และปฏิบัติตามกฎนั้นอย่างเคร่องครัด
6. การให้บริการแบบเจาะจง (Personalization)เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้เว็บไซ์สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนได้
และสามารถให้บริการแบบเจาะจงกับลูกค้าแต่ละรายได้ สามารถเข้าใจพฤติกรรม
หรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สามารถนำเสนอบริการต่าง ๆ
ที่ตรงกับความต้องการแบบเจาะจงบุคคล
และสามารถสร้างสินค้าและบริการจากพื้นฐานความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลจริง ๆ
6.
จงยกตัวอย่างข้อดีของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
ตอบ - สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก
- สามารถจัดหาสินค้าและบริการจากผู้จำหน่ายแหล่งต่าง
ๆ ได้โดยตรงและรวกเร็ว
- สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารเนื่องจากคุณประโยชน์อินเตอร์เน็ต
- องค์กรที่มีขนานเล็กสามารรถดำเนินธุรกิจแข่งขันกับองค์การที่มีขนาดใหญ่ได้
- สามารถสร้างผลประกอบการที่เป็นกำไรเพิ่มมากขึ้น
7.
จงยกตัวอย่างข้อเสียของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
ตอบ - มาตรฐานด้านคุณภาพ
ความปลอดภัย ผ่านทางฟังก์ชันระบบงาน สอบถาม กระทู้ สนทนา หรือแม้แต่ห้องสนทนา
- ตัวบทกฎหมายในบางมาตราและด้านภาษียังไม่ได้รับกาปรับปรุงให้มีความเหมาะสม
- นโยบายของเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่าง
ๆ ยังไม่สอดคล้องและเหมาะสม
- ผู้ขายและผู้ซื้อยังมีความกังวลด้านความปลอดภัยของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
- ลูกค้ายังไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า
เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นและจับต้องสินค้าได้
- ลูกค้าบางส่วนยังชอบวิธีการสั่งซื้อสินค้าและบริการในลักษณะแบบเห็นหน้าตากัน
8.
ปัญหาที่พบในการดำเนินงานของระบบพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
มีอะไรบ้าง
ตอบ - ความไม่ปลดอภัยของข้อมูล
ในกรณีที่ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์เจ้าของธุรกิจจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า
ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการเสียค่าใช้จ่ายมาขึ้น และการใช้วิธีที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน
จนลูกค้าอาจจะต้องปวดหัวกับความยุ่งยาก จึงต้องมีการพัฒนาขั้นตอนต่าง ๆ
ให้ง่ายขึ้น แต่มีความปลอดภัยสูงสุด
- ในประเทศไทยยังขาดความสะดวกในเรื่องของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์อยู่บางประการ
เช่น
การไม่มีธนาคารที่รองรับความเสี่ยงในการประกอบการชำระเงินจากพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
เป็นต้น
- การที่ลูกค้าเกิดความไว้วางใจในการซื้อผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
และความลอดภัยของข้อมูลไม่มากเท่าที่ควร
-
รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการดูแลพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ที่เพียงพอในการควบคุมซื้อขายผ่านเว็บไซต์ทั้งรายใหญ่และรายย่อย
- ลูกค้ายังขาดความรู้เรื่องกฎหมายต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต ส่วนในกรณีที่ลูกค้าอยู่ต่างประเทศการบังคบใช้กฎหมายยังมีความสับสนว่าจะต้องใช้ของประเทศใดเป็นหล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น